
เจอกันอีกแล้วอย่างรวดเร็ว...ที่จริงแล้วสิ่งที่รวดเร็วและสร้างความสงสัยให้กับตัวผมคือ
"ความกระทำสิ่งที่คุณๆได้อ่านและดูกันอยู่...ด้วยเหตุใดจึงทำบทความนี้ออกมา...?"
เร็วจัด...ตามไม่ทัน...ไม่กล้าคิด...เดี๋ยวจะกลายเป็นฝุ้งซ่านไปแทนที่จะเจอคำตอบ!!!
กลับมาอีกครั้งต่อจากเมื่อวานในหัวข้อที่รุนแรงขึ้นไปอีก
"RUMBLE JAPANESE BUTA CHEESY CURRY"
...
ของเหลือที่ถูกหมักเข้าเนื้อกันจนเป็นอย่างดี...
ความนุ่มของเนื้อหมูที่มีมากขึ้น จากการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย...
-ขอบคุณแบคทีเรียที่ช่วยย่อยสลายโมเลกุลส่วนที่ยึดกล้ามเนื้อให้ทรงตัวเข้าหากัน
ถ้าจะกล่าวถึงอะไรอีกมากมายคงไม่จบดี...
ขอข้ามเลยแล้วกัน...ยังไงองค์ประกอบก็ครบแล้ว...

ไม่กล้าใส่ชีสเยอะมากรู้สึกถึงปริมาณพลังงานส่วนเกินที่จะต้องนำออกอย่างเหนื่อยยากแล้ว...ท้อใจ
เลยวางไปแผ่นเดียวพอ...

เหตุผลที่ตั้งชื่อว่า "รัมเบิ้ล" เพราะว่าตั้งแต่การนำแกงมาอุ่นใหม่
ก็กระทำการผสมคนวนปนเปชุลมุนชุลเก...
เชื่อว่าบางคนอยากเติมให้เป็น "เ_ย์"
ถ้าเกิดได้ยินเรื่องเล่าบางอย่างจากตัวผมแล้ว...
ไอ้โรคจิตเอ้ย!!!(ลืมตัว...นอกเรื่องไปหน่อย)
หลังจากการคนไปคนมาแล้ว...จากปริมาณที่เหลือหมิ่นเหม่
ทำให้เกิดการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวด้วยการนำปริมาณแกงที่เหลือทั้งหมด...
ราดลงไปในจานข้าวเลย...
ด้วยเหตุผลทั้งหมดข้างต้นจึงตั้งชื่อว่า "รัมเบิ้ล"

การได้ลองทานสองวันติดกันทำให้เข้าใจเพิ่มขึ้นว่าเหตุใด...
จึงมีคนที่คิดค้นการใส่ชีสลงไปในแกงกะหรี่...
ผมแนะนำให้ลอง...ถ้าไม่กลัวอ้วน...
เพราะว่ามัน โอว...เยี่ย!!!
โดยเฉพาะถ้าคำไหนตักรวมกับชิ้นเนื้อจะชัดเจน
ทั้งรส สัมผัส และกลิ่น ที่ทำงานสอดประสานกันเป็นอย่างดี
(เน้น!!! ต้องเนื้อ...ลองกับพวกผักแล้วมันไม่ชัดเจน)

ตู้มๆ...
จนหมด...
และตบท้ายด้วยกล้วยหอมอีกลูก...
ตายกันไปข้างนึงเลยทีเดียว
!!!
จนสุดท้ายผมก็ยังตามไม่ทันว่าตนเองอยู่ในสภาวะใดจึงทำการบันทึกรูปอาหารแล้วนำมาใส่ในพื้นที่สี่เทา...
4 ความคิดเห็น:
เยี่ยๆๆๆ ไอ้นี่ที่ทำให้พี่เบียไม่อยากให้เราไปกินด้วยละสิ
หน้าตามันเปนแบบนี้นี่เอง!!!!
แม่งอ้วน สาดดดดด -"-
ไม่รู้ละ หมึกน้อย พาไปกินอารหารญี่ปุ่นที่บอกเลย เร็วๆนี้ด้วย
กลายเป็นบล็อก
Foods Mania
ฉันประคอง.. แกงกระหรี่หมูที่มีอยู่
ทนเฝ้าดู.. ให้ชิ้นหมูกลืนหายไป
น่ากินนะเบีย แต่สีแยกไม่ออกเลยระหว่างออกตอนเช้ากับอาหารค่ำ 555 วันหลังทำให้กินบ้างดิ
แสดงความคิดเห็น