25510627

"ตรงไหน!!!"

จุดเริ่มต้นของชีวิตเรานั้นเริ่มตรงไหน?

แล้วดูอย่างไรว่าสิ่งนั้นเรียกได้ว่าจุดเริ่มต้น?

องค์ประกอบที่เรียกสิ่งๆนั้นว่าจุดเริ่มต้นคืออะไร?




เพราะผมไม่สงสัยเลยว่าเราต้องจบแน่นอน...
แต่เราเริ่มตรงไหน?

25510621

"จะตอบเขาอย่างไรดี?"

คนเราพูดกันเพื่อสื่อสาร...



อาจจะดูเหมือนเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนเมื่อมีคลื่นความถี่เคลื่อนที่ออกจากช่องคอผ่านลิ้นไก่ ซี่ฟัน และริมฝีปาก ออกสู่บรรยากาศเคลื่อนที่ผ่านสะพานอากาศที่เป็นตัวเชื่อมโยง เข้าสู่จมูก...(ถ้าบังเอิญได้สื่อสารกับคนปากหมักหมม) ผ่านอากาศ...เคลื่อนผ่านดั้งจมูกสไลด์ตัวไปตามถุงใต้ตาขึ้นแลมป์กระโดดเข้าสู้รูหู

เข้าไปกระแทกใส่ตัวรับคลื่นความถี่ต่างๆ จนแปลออกมาเป็นความหมายได้...



โอว...ช่างชัดเจนเต็มหูเลย...รูปธรรมจ๋า...จะๆเลยเนี่ย เข้าเต็มรูปหู ไม่ได้ยินแค่เป็นเสียงอย่างเดียวด้วย

ดันเป็นเสียงที่พ่วงติดความหมายงของการสื่อสารมากอีก...เสียงที่ว่า"เข้าใจป่ะ?"



อือ...



"เข้าใจป่ะ?"เป็นเสียงที่เกิดขึ้นบ่อยมากๆ...

ลองถามตนเองดูว่า เข้าใจป่ะล่ะ?



"อือ..."



ถามตนเองให้ดีว่าที่"อือ..."นั้นแปลว่าอะไรต่อตนเอง

เนื่องจากอย่างที่ผมได้บอกไปก่อนหน้านี้ว่ารูปธรรมก่อนามธรรม

ย่อมแสดงว่า...เสียงที่มีความหมายพุ่งเข้าหูไป...จะต้องทำปฏิกิริยาภายในแน่ๆ...

ร่างกาย..สมอง...ต่อมบ้าต่อมบอทั้งหลาย...เป็นแค่เพียงตัวกลางที่ตั้งอยู่เพื่อเป็นตัวรับ

เพื่อส่งผ่านสิ่งที่ละเอียดอ่อนเหล่านั้นให้จิตได้รับรู้...เนื่องจากยังรู้สึกว่าต้องใช้รูปในการสื่อสาร











...ผมได้คุยกับรุ่นน้องคนหนึ่งซึ่งการสนทนาครั้งนั้นน้องคนนี้ได้ให้คำดีๆทิ้งไว้ให้ผมหนึ่งคำ

"รับทราบ"...โอว...บ้าเอ้ย คำนี้ง่ายดี ชัดเจน ตอบสนองต่อผู้สื่อสารและผู้รับสารอย่างยุติธรรม

คนส่งสารเข้าใจว่าผู้รับสารอยู่ในระดับการรับสารไหน...และผู้รับสารสามารถได้รับผลประโยชน์

จากการที่รู้ตนเองว่ามีปรมัตถ์ต่อสารนั้นระดับใด...สุดยอด...







และ"รับทราบ"คำนี้ได้ลอยติดผมไปถึงที่ทำงานและได้นำเอาไปเล่าต่อ...

จนได้โครงสร้างที่ครบกระบวนความว่า...



"รับทราบ" "เข้าใจ-ไม่เข้าใจ" "ยอมรับ-ไม่ยอมรับ"



ลองมาทำความเข้าใจกับสุดยอดคำตอบนี้ดีกว่า...





1.ณ.ห้องกินเข้าเล็กๆในบ้านไม้ย่านเยาวราช

"หม่าม้าหยักให้ลื้อช่วยมาดูแลกิกจะกังของบ้างเลาหน่อย...อย่าไปซีเลียกเลย

ข้างบ้างเค้าก้ไม่ได้ทำงานตามที่เค้าเรียนจกมา...มานไม่ใช่ปะเดง

อั้วะอุส่าทำร้านนี้มาสามสิกว่าปีแล้ว...วันนึงอั้วะก็หยักให้ลูกๆหลานๆมาดูแลตัว

ให้อั้วะได้ภูงใจ อั้วะให้ลื้อเรียงอยากที่ลื้ออยากเรียงแล้วไง...ตองนี้ลื้อช่วยมาทำกิกจะกางต่อหน่อย"

คุณจะตอบว่า?



2.ณ.ศูนย์รวมเหล่าวัยรุ่น

"นี่ๆตัวเอง เค้าอยากได้กระเป๋าหลุยปิงป๊องรุ่นเฉลิมฉลองอนุสรณ์สถานตลาดสามย่านครบรอบ150ปีอ่ะ

ดูเจนดิ...แฟนมันซื้อให้เป็นของขวัญเลยนะ...แล้วยังพาไปกินข้าวเย็นที่ทองหล่ออีกอ่ะ...นะๆ"

คุณจะตอบว่า?



3.ณ.พื้นที่ย่านรัชดา10ไร่กับโครงสร้างตึกขนาดใหญ่ที่คุณกำลังจะได้เข้าไปนั่งชั้นบนสุดในอีก4เดือนข้างหน้าด้วยเหตุผลที่ว่าคุณเป็นเจ้าของกิจการของบริษัทที่กำลังสร้างออฟฟิศใหม่เพราะต้องเพิ่มพื้นที่รองรับพนักงานให้เพียงพอต่อความต้องการของบริการที่บรัษัทที่เติบโตขึ้นอย่งรวดเร็วและมั่นคงที่สุดในรอบ200ปีของระบบเศรษฐกิจโลก วิศวกรจากฝรั่งเศสระดับโลกที่ต้องลงทุนไปเรียนภาไทย7ปีเพื่อมาสื่อสารกับเราเพราะว่าเราต้องการสื่อสารงานด้วยภาษาพ่อภาษาแม่...

"ท่านปราท๋านขรั่บ โครงซ่างคองตึ๊กนายตอนนี้เรียบรอยปายกว่า นายตี้ เพอ...อุบส์

กาวซิ่บ เพอเซนต์ แลวขรั่บ ในส่วนคองห้องทามงานคองท่านปราท๋าน จามีราโบบโหนมนายตัวเอ๋ง

พาเอื้อให้ท่ายปราท๋าน ซาม่าด โหมนโมมมองวิทีวทัด ปายด้ายรอบๆ ด้วยรีโมทเพียงตัวเดียวหน๋าขรั่บ"

คุณจะตอบว่า?



4.ณ.ห้องทำงานที่ออฟฟิศออกแบบกราฟฟิคที่หนึ่ง

"ผมว่าถ้าจะพูดถึงปัญหาของประเทศขวานทองเนี่ย...

ที่แม่งออกมาประท้วงกันเนี่ย...โคตรจะงี่เง่าเลย

วันๆไม่ทำเหี้ยอะไรกัน ทำให้รถติดเปล่าๆ..."

คุณจะตอบว่า?




5.ณ.โต๊ะโลหะ ในร้านค้าที่มี ข้าวขาหมู ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น เกาเหลาเลือดหมู กับแกล้ม และลีโอ...

"แม่ง...หลอกกุอ่ะ...ทำให้กุเชื่อทุกอย่างเลย ขนาดแม่งเอางานมาให้กุช่วย...กุไม่ค่อยจะมีเวลา

กุยังอดนอนทำให้เลย...แล้วพอสุดท้ายกุไปจีบจิงจัง แม่งก้บอกว่า...เราเห็นเธอเป็นเพื่อสนิทเท่านั้นเอง

ก็มีน้ำใจให้กัน เราก้เลยไปเที่ยวกับเธอตามประสาเพื่อนสนิทอ่ะ...แม่งเอ้ยบอกกับกุอย่างเนี้ยะ...

มึงเข้าใจมั้ย...ว่ากุเศร้าขนาดไหน?....ฮืออๆๆๆๆๆ"

คุณจะตอบว่า?






ทั้งหมดที่ยกตัวอย่างซึ่งน่าจะมีคำตอบหลายๆแบบ...

และผมสนใจเรื่องการตอบคำถามด้วยความจริงเพื่อให้ก่อความถูกต้องและประโยชน์

ต่อผู้ส่งสารและผู้รับสารมากที่สุด เนื่องจากว่าการที่ลงเรือคุยกันแล้ว

แสดงว่าต้องได้ความเข้าใจที่ตรงต้องกัน เอื้ออำนวยความเมตตาต่อการส่งเสริมความรู้

และรับรูปถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเพื่อส่งการสนทนานี้ให้สมบูรณ์พร้อมถึงฝั่งฝัน

แต่ที่ผมสนใจคือว่าก่อนหน้านี้เราคือทำบาปอะไรต่อผู้ส่งสารบ้าง...











"เข้าใจป่ะ?"

"นาม-รูป-นาม-รูป-นาม-รูป..."

คำถาม?
บอกเล่า...
ปลุกใจ...
เตือนสติ!!!
โกรธ!!!
งอน...
หงุดหงิด...
เคลิบเคลิ้ม...
เจ็บ
ตึง
หย่อน
มืด
จ้า
ดัง
เบา
เหม็น
หอม
ร้อน
เย็น
ฯลฯ

รูปแบบของการสื่อสารต่างๆที่กระทบต่อตัวรับสัมผัสของเรา
ล้วนแต่เป็นรูปธรรมทั้งสิ้น
แต่ผมเองก็ทราบดีว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีรูปธรรม
ถึงแม้ว่าเราจะรับรู้ว่ารูปธรรมเหล่านั้นจะออกมาจากสภาพวะที่จริงแท้
มันทำให้ผมรู้สึกว่า รูปธรรมและนามธรรมนั้น แยกออกจากกันไม่ได้

เหตุและผล รูปและนาม ที่เกิดขึ้น
ให้พวกเราๆเข้าใจไว้เลยว่ารูปธรรมที่เกิดขึ้นนั้นจะเกิดขึ้นจากนามธรรมบางอย่าง
เช่น...
1.เราไล่มดที่มารูมรับประทานน้ำตาลในขนมของเรา
ผมอยากรู้ว่าคุณๆทำอย่างนั้นเพราะอะไร?
2.เราปาดน้ำที่ชโลมอยู่บนผิวหน้าเวลาอาบน้ำ
ผมอยากรู้ว่าคุณๆทำอย่างนั้นเพราะอะไร?
3.การที่เราเกาขาเมื่อยุงมาเจาะผิวหนังและดูดเลือด
ผมอยากรู้ว่าคุณๆทำอย่างนั้นเพราะอะไร?

ต่างๆนั้นมีนามธรรมเกิดขึ้นจึงก่อรูปธรรม
และก็มีรูปธรรมที่ก่อเกิดนามธรรมในทันที

4."ความรู้สึกยินดี"ยิ้มหน้าบานแฉ่งเมื่อมีผู้คนชื่นชมในความตั้งใจทำสิ่งดีๆ
ที่เรามุมานะกระทำบางสิ่งบางอย่าง
"ความรู้สึกยินดี"นั้นเป็นรูปธรรมหรือนามธรรม?

5."ความรู้สึก"เมื่อเราตัดสินใจแสดงน้ำใจหรือไม่ก็ตามที่จะยกที่นั่งให้กับเด็กสตรีมีครรภ์และคนชรา
ที่ก้าวขาขึ้นมาอย่างรวดเร็วไม่สนใจความเมื่อยล้าของกรดแลคติคที่หลั่งเข้าไปใน
กล้ามเนื้อส่วนต่างๆที่ช่วยนำพาร่างกายของพวกเขาๆแหวกผ่านผู้ใช้บริการที่
มายืนรอคิวขึ้นรถเมล์ก่อนหน้านี้และพุ่งทะยานขึ้นมาหาที่นั่งที่มีผู้จับจองครบหมดแล้ว
"ความรู้สึก"นั้นเป็นรูปธรรมของนามธรรม?

แล้วอะไรอีกหลายๆอย่าง...

6.ขณะที่คุณเดินออกไปซื้อของในสถานที่ที่โปรดปราน
คุณไปเจอสิ่งของสิ่งหนึ่งที่คุณชื่นชอบเป็นอย่างมาก
คุณปรีเข้าไปพบเห็นราคาที่พอเพียงต่อปัจจัย
คุณจึง"ตัดสินใจ"สวาปามเขมือบสิ่งนั้นมาเป็นของคุณ
ความรู้สึกที่คุณ"ตัดสินใจ"เป็นรูปธรรมของนามธรรม?

ผมเป็นกังวลกับคำถามของผมที่กระจายตัวลงไปในพื้นที่สีเทานี้
เพราะว่ามีบทความหนึ่งที่ผมได้ไปรับมาแล้วรู้สึกว่ามันดีทีเดียว
http://seefoot.blogspot.com/2008/06/blog-post_16.html
เขากล่าวถึงข้ออ้างความอวิชชาของตนเองที่ยกหยิบมาเป็นโล่กำบัง
เพื่อย่อหย่อนต่อความผิดที่ตนเองมีให้เรื้อรังต่อไปเมื่อยังมีโมหะ
และไม่เห็นความสำคัญในการแก้ไขตนเอง...

เช่นเดียวกันกับตอนนี้ครับผมเองกำลังจะกางโล่แห่งบาป
ที่จะบอกว่า"คำถามที่ผมตั้งมานั้นก็เกิดจากความรู้อันน้อยนิด
ถ้าเกิดว่าคำถามนี้ทำให้ใครต้องเกิดความเข้าใจผิดหรือไม่ได้
รับประโยชน์อย่างคำถามและบทความนี้ก็ต้องขออภัยไว้ด้วย"

...

ในที่สุดก็ได้ก่อบาปใหม่...ชดใช้ของเก่าไม่ทันหมดสร้างของใหม่ทันที...

สิ่งที่ผมตั้งคำถามไปนั้น

ผมต้องการทำความเข้าใจกับตนเองว่า...ที่จริงแล้วนามธรรมนั้นก็ยังคงเป็นรูปธรรมอย่างหนึ่งเช่นกันใช่หรือไม่
มิเช่นนั้น...











เราจะรับรู้ถึงนามธรรมเหล่านั้นได้เช่นไร?















ในเมื่อจิตของเราดันไปกระทบสิ่งนั้นซะได้...


อาจจะเข้าใจผิดก็เป็นได้...


พึงระลึกไว้เสมอว่า...ที่เกิดรูปธรรมขึ้นนั้นต้องมีนามธรรมก่อเกิดแน่นอนมิเช่นนั้น
จะไม่มีเหตุ-ผลใดที่เราจะเกาถ้าเราไม่คัน...หรือว่าคุณตอบว่าเราเกาเพราะยุงกัด...

แต่นี่เป็นขั้นต้นๆเพราะว่ายุงมากัดนั่นแหละเราจึงได้คัน...

เพราะว่าเราดันมีขานี่แหละยุงจึงกัดขาข้างนั้น...

ลองขาข้างนั้นขาดดูสิครับ...







...







ที่จริงตั้งใจจะเขียนอีกเรื่องนะเนี่ย...ไหงกลายเป็นเรื่องนี้ไปล่ะ...?

25510619

"อะไร?"

ไม่ใช่การ
"เปลี่ยนแปลง"
"แตกต่าง"

"แหวกแนว"
"ค้นคว้า"
"คิดค้น"
"เสาะหา"





แต่มันคือ

































"เจอะเจอ"










!!!

25510609

"ลอนดึ้น"


เรื่องนี้ว่าด้วยเหตุจาการเดินทางต่างแดน

ซึ่งเป็นที่มาของของฝากที่ตกมาถึงปากท้องของผม...

อือ...นั่นแหละ...

บางครั้งก็ไม่อยากอธิบาย...ขี้เกียจพิมพ์

อาจจะสงสัยว่าสองขวดนี้มันเป็นของฝากอย่างไร...

ใช่ครับ...คุณคิดถูกแล้ว...เพราะว่ามันไม่ใช่ของฝาก...

หรือว่าจะเป็นจานใบนี้...ก็ไม่ใช่จากครับ...

หรือว่าจะเป็นที่อยู่ในจาน...ยิ่งแล้วใหญ่...

ดูเหมือนว่าจะสลับลำดับการกล่าวถึง...

ที่จริงควรจะเดาว่าเป็นของในจานก่อนใช่แมะ...










































































อือ...ก็ไม่มีอะไรจะกล่าวถึงเป็นพิเศษหรอกครับ...
แล้วก็แนะนำเมนูใหม่ของร้านน้องอ้อมด้วย...
สวัสดี!!!

25510606

"วางแผน"

วันนี้ผมมาในพื้นที่สีเทาแห่งนี้ด้วยเรื่องบางเรื่อง...



ผมวางแผน...ผมรอ...



การวางแผนนั้น หลายๆคนนั้นอาจจะเข้าใจว่ามันเป็นความตายตัว
ทุกอย่างที่วางไว้ต้องเดินไปตามหมาก
ทุกอย่างที่ตั้งใจต้องเป็นไปอย่างที่หวัง
...


แต่ข้อเท็จจริงแล้ว



การวางแผนนั้นคือการเข้าใจความไม่แน่นอนซึ่งเป็นเรื่องที่แน่นอนที่สุด...

การเห็นความไม่แน่นอนอย่างเป็นธรรมชาติและทะลุปรุโปร่ง...

ซึ่งแปลว่าเมื่อคุณเข้าใจความไม่แน่นอนซึ่งแน่นอน...

คุณจะเข้าใจในความแน่นอนซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนเสมอมา...

คุณจะรู้สึกลื่นไหล...เป็นกันเอง...ไปกับส่งที่จะเป็นนั้นๆ

ไม่ว่าสิ่งนั้นๆจะเป็นอย่างไร...

คุณจะเข้าใจแล้วไม่ยึดมั่น...ซึ่งการไม่ยึดมั่นนั้นเอง...

ที่ทำให้คุณมีโอกาสและพื้นที่ที่จะทำความเข้าใจที่ความแน่นอน...






ซึ่งไม่แน่นอน...






ผมวางแผน...และผมรอ...






จนความไม่แน่นอนที่แน่นอนมาเยือน...










แล้วผมก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า










("ทำไมเป็นแบบนี้วะ")









เฮ้อ...คนเราที่โง่เขลาหนอ

!!!