25520131

"อะ ปรา ป๊าค"




อย่างอิ่ม...

ตอนนี้ผมยังคงเฝ้ารอภาพการไปกินทงคัตสึอยู่

แล้วงานหน้าเจอกันอีก!!!

25520117

"เบิ่ยจิง วันที่๖"










...

"เบิ่ยจิง วันที่๕"

วันสุดท้ายแล้วครับที่จะเดินทางท่องเที่ยวแบบจริงจังในปักกิ่ง
เช้านี้ได้เจอประสบการณ์อาหารที่สะใจกว่าเช้าวันก่อนฮ่าๆ
จะเห็นว่ามีเข่ง...ในเข่งนั้นคือเกี๋ยว กับอะไรบางอย่างที่ดูคล้ายๆเสี่ยงหลงเปา
จานสองจานเป็นบะหมี่ผัด...เยอะมาก(ต่อจาน)จานนึงเค็มๆ จานที่อยู่ใกล้เปรี้ยวๆ
และชามทางด้านขวาสุดเป็นซุปไข่(น้ำเปล่าต้มร้อน ใส่ไข่ลงไป...)

ต้องมาลองเองถึงจะรู้...สุดติ่งครับ





พอไปถึง...ก็ปวดขี้จับใจเลยต้องหาห้องน้ำ...
แต่มั่นใจได้อยู่ที่นี่ไปตามที่สาธารณะยังไงก็ได้ขี้แน่นอน...
มีห้องน้ำครับ!!!
พระราชวังฤดูร้อน(มั้ง...)
เป็นที่ที่ยังไม่เคยมากันทั้งสามคนเลย
ต้องถามทางว่าทางไหนไปที่ไหนจะได้คุ้มค่าเข้าหน่อย

เข้ามาถึงข้างใน...วันนี้แดดดีครับ...แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
หนาวโหดอยู่ดี





ที่นี่กว้างใหญ่มากถ้าจะมาเดินจริงๆผมว่าครึ่งวันถึงจะเก็บหมด
แต่สวยนะครับน่าเดิน แต่ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรให้กินหรือเปล่าเพราะว่าถ้าเดินกันขนาดนั้น
คงเหนื่อยและหิวมากๆ มีทั้งขึ้น-ลง เขา-เนิน โอย...

ตรงนี้เป็นคล้ายๆหมู่บ้านริมคลอง
แต่ในคลองมันแข็งหมดแล้ว
หนาวก็หนาวไม่ค่อยมีใครออกมารับแขกเท่าไหร่
ทุกคนจะประจำอยู่ในร้านของตนเอง
แล้วรอจังหวะคนผ่านมาถึงโผล่ออกมา(เหมือนบ้านผีสิงอ่ะครับ)
แต่นี่ออกมาเรียกลูกค้าเข้าร้านแทน

เดินลงเจอตลาดน้ำ-เดินขึ้นไปก็เจอวัด...
หลังจากนั้นผมก็เดินย้อนลงไปที่ทะเลสาบ
ซึ่งมันมีทางเดินผ่ากลางทะเลสาบ...ซึ่งยาวมาก เดินกันแฮ่ก

แดดขนาดนี้ แต่จะเห็นว่าน้ำแบ่งตัวออกเป็นสองสถานะอย่างชัดเจน

ที่นี่ถ้าไม่เป็นน้ำแข็งก็ข้ามไปไม่ได้ถ้าไม่ใช้เรือ...
แต่วันนี้น้ำจับตัวเป็นแผ่นเรียบร้อยดี...
มีคนลงไปเล่นสเกต มีคนลงไปเดินลัดข้ามฟาก...
มีเด็กๆลงไปเล่นไถลเก้าอี้...



นั่งเหนื่อยแบบคนแก่...
เดินกันไม่ครบ...แล้วก็จะไปที่อื่นต่อเลยจบลงแค่นี้แหละ
นั่งรถเมล์กลับไปที่พักเพราะว่าสะดวกกว่ามาก

ที่ต่อมาคือสวนสัตว์ปักกิ่ง...
มาดูหมีแพนด้า๑๕หยวนเอง(มีเหตุที่ถูก...ไม่ใช่บัตรลดนะครับ)



ทั้งหมดมีสิบกว่าตัวเห็นจะได้
ขี้เกียจนอนหลับกินเงินเดือน
เอาแต่คุยเล่นกันบ้าง
น้อยครับ...ที่จะทำงานโชว์ตัวตามหน้าที่
หลังจากนั้นก็เดินออกไปดูสัตว์อื่นๆ
และได้เข้าใจว่าทำไมถึง๑๕หยวน
อา...สวนสัตว์ที่ว่างเปล่า...
อา...๑๕หยวน...
อา...เซอไพรส์...
อา...โดนหลอก...
ไม่มีสัตว์ตัวไหนกล้ามาทำงานในอุณหภูมิแบบนี้หรอก
ถ้าผมเป็นตัวอะไรสักตัวในนี้ผมก็คงขอลาหยุดเหมือนกัน
ขนาดผมใส่เสื้อหาขนาดนี้ผมยังแทบจะบ้าเลย
แต่พวกสัตว์โป๊ครับ...ลองนึกดิถ้าเป็นช้างอ่ะ...
ไม่มีขนเลยส่งตรงถึงหนังทันที...ตายแน่...
จะมีก็แค่สัตว์บางประเภทที่ไม่มีที่ไปแล้วอย่างพวกม้าลาย ลา นกบางอย่าง
โอย...




ไม่มีอะไรให้ดูเลย...ประสบการณ์ประหลาด...
เดินสักพักผมถอดใจและเดินออกมาจากสวนสัตว์เพื่อกลับที่พักและเตรียมตัวออกไปทานข้าวเย็น...
แต่ความสยองที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น...
รถแท๊กซี่ไม่มี รถเมล์มาแต่คนแน่นยังกะปลากระป๋อง...
รอรถแท๊กซี่ไปครับ...หนึ่งชั่วโมงท่ามกลาง-๖องศา...
สุดตีนครับทุกข์สุดๆ ใจแม่งวิ่งกลับไปที่อ่างน้ำพร้อมน้ำร้อนๆแล้ว...

สีเหมือนอากาศดี...แต่จริงๆแล้ว สุดๆ
เยๆ...มือเย็นแล้ว สำราญมากกินกระจุย

เป็นข้อยืนยันว่าผมไม่ชอบเหล้าอย่างจริงจัง
กินไม่หมด จนต้องเอากลับที่พักด้วย

กลับมาจัดเก็บข้าวของเตรียมตัวออกเดินทาง
พร้อมกับ"ซอจู"ที่กินยังไงก็ไม่หมด...
คืนที่๕
แป๊ก...

"เบิ่ยจิง วันที่๔"

ทุกวันยิ่งตื่นยิ่งเหนื่อยตื่นมาก็มึน
เพราะว่าก่อนนอนไม่ได้ดื่มวีต้า...แต่กลับเป็นเบียร์สองกระป๋องสิน่า...
ผมไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนคือการดื่มแล้วหลับทันทีโดยที่ไม่รอให้อาการมึนเกิดขึ้นก่อน
มันแปลกๆเวลาตื่นมา...มันจะปวดหัวนิดๆมึนๆก็ไม่เชิง(แต่ที่แน่ๆเป็นทุกข์)
สำหรับวันนี้ก็ไปอีกสองที่หลักๆอีกเช่นเคย ส่วนที่ย่อยๆที่ผ่านไปผ่านมาไม่นับๆๆๆๆๆๆๆๆ
สำหรับเช้าวันนี้ออกไปทานอาหารใกล้ๆที่พัก
ขณะที่เดินทางผ่านไปก็เจอคลองที่น้ำจับตัวเป็นน้ำแข็งหนา...แต่ดูไม่เป็นนะว่าแบบไหนเดินได้ไม่ได้
แต่น้องผมบอกว่าแบบนี้หนาพอแล้ว...เลยลงไปซัดสักหน่อย
ไม่กล้าเดินไปจนถึงกึ่งกลาง...ทำใจไม่ได้กลัวว่ามันจะ"เปรี๊ยะ"แล้วจะได้มุดลงไปในน้ำเย็นๆ
แค่คิดก็เสียวแล้วเลยเดินแต่ตรงขอบๆเพื่อความสบายใจ แล้วค่อยเดินไปต่อที่ตลาดเพื่อหาของกิน



เมื่อถึงตลาดแล้วก็พุ่งเข้าร้านอาหารเลย
ไม้แดงๆคือไก่ย่างๆที่มีชิ้นเน้อและกระดูกอ่อนเสียบสลับกันไป(ถือว่าอร่อยในที่แบบนี้)
ที่ดูคล้ายๆแฮมเบอเก้อคือแป้งอะไรบางอย่างที่ใส่เนื้อผัดลงไป(ชิ้นนี้ก็โอเค)



แต่นี่แหละที่สุดยอด...อะไรสักอย่างที่คล้ายก๋วยเตี๋ยว...
อะรสักอย่างที่ดูเหมือนเนื้อ...อะไรสักอย่างที่เป็นถั่ว...
อะไรสักอย่างที่เป็นผัก...ใน้ซุปเค็มๆจืดๆ...
ฝืนกินกันจนหมด(ชามเดียวช่วยกันสามคน)
หลังจากนั้นพวกผมจึงเดินกลับไปทางที่พักเพื่อไปขึ้นรถไฟใต้ดินมุ่งหน้าที่หาเหมา
ระหว่างทางที่เดินกลับไปนั้นนะคลองเดิมผมเจอคนเดินเล่นบนคลองนั้น
ทำให้มั่นใจได้ประมาณนึงว่าเราสามารถเดินเล่นได้ทั่วทั้งคลอง
ผมจึงไม่ได้ข้ามคลองโดยใช้ถนนแต่เดินข้ามน้ำแข็งไปเลย...
ในรถไฟใต้ดินเหม็นๆอับๆคนที่นี่มีบางกลุ่มที่ไม่ค่อยอาบน้ำครับ
สาวบางคนผมยาว
(จับตัวเป็ยทรงได้จากน้ำมันบนหัวที่ไม่ได้ล้างออกมาสองสามวันพร้อมเกล็ดหิมะขาวๆเล็กๆบนหัวพองาม...)
ผมไม่ได้อธิบายรวมถึงกลิ่นตัวและกลิ่นปาก
(เพราะว่าเรื่องกลิ่นถ้าไม่แจ๊คพอตจริงๆก็ไมได้เจออะไรที่นอยมากนัก)
แต่สีของฟันนี่ใช้ได้เลย เจ๋ง!!!




ถึงแล้ว...ซัมเหมา




ทุกที่ที่ไปเสียตังค์หมด...แต่ก็เอาเหอะ...ค่าบำรุงรักษา
ดีกว่าปล่อยให้เข้ามาแบบฟรีๆ
แล้วย่ำยีสมบัติชาติของตนเอง



เดินๆๆๆ



เมื่อเข้ามาถึงด้านในผมก็ได้ของชิ้นที่สองของการเดินทางครั้งนี้
ว้ากๆๆๆๆความเท่าเทียมๆๆๆๆ


ปัง ปัง





พวกผมก็เดินเล่นดูโน่นนี่ไปถ่ายรูปๆๆๆๆๆ
ดีที่เอาขาตั้งกล้องมาเลยไม่ต้องรบกวนคนอื่น
แล้วก็เดินออกมาเรื่อยๆจนทะลุออกมาด้านหลัง


จะไปต่อละ...ขอสักหน่อยละกัน



หนาวว้อย!!!
ตอนนี้ออกมาเรียกแท๊กซี่เพื่อไปย่านคนเกาหลี
หาร้านสำหรับมื้อเย็น
ซึ่งไม่ได้ถ่ายรูปครับ...เอาแต่เดินเล่นดูโน่นดูนี่
ไปโผล่อีกทีก็ในร้านอาหารแล้ว


เพิ่งรู้ว่าข้าวคลุกนี่มันอร่อยดี...เพราะว่าก่อนหน้านี้รู้สึกว่าอาหารเกาหลีรสชาตมันทื่อๆ
แต่พอได้ลองแล้วก็โอเค
หลังจากนั้นผมก็ต่อรถไฟใต้ดินมุ่งหน้าไปสู่สนามกีฬารังนก
เพื่อจัดเก็บภาพสักหน่อย...ต้องทนสู้กับความหนาวที่แสนบ้าบอในยามค่ำคืน
หนาวแล้วจะปวดฉี่...แต่บางที่ก็ไม่ปวดฉี่เพราะว่าหนาวเหี้ยๆ

อากาศที่โน่นหนาวมาก...หนาวจนทำให้แบตของกล้องเย็นเกินที่จะใช้งานได้
ภาพจึงขาดๆหายๆเพราะว่าสิ่งที่ผมอยากถ่ายก็ถ่ายไม่ได้เพราะว่ากล้องแบตหมด
ซึ่งผมเพิ่งมาสังเกตุตอนที่กลับมาถึงที่พักแล้วอุณหภูมิเริ่มปกติ แบตแม่งกลับมาเต็ม
นอยมากครับ!!!

คืนที่๔
ถึงจะรู้ว่าเวลาดื่มแล้วมันจะปวดหัวนิดๆเวลาตื่นผมก็ยังคงดื่มแล้วค่อยไปนอน...
...